1. ชอบถ่ายรูป : เป็นช่างภาพฟรีแลนซ์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเล่นกล้อง และรักการถ่ายภาพ มีเวลาว่างเมื่อไหร่เป็นต้องตระเวณไปตามสถานที่สวยๆ ฮิปๆ เพื่อถ่ายรูป นอกจากนี้คุณมักกลายเป็น ‘ตากล้องจำเป็น’ ประจำกลุ่มเสมอ เมื่อต้องออกเดินทางไปเที่ยวกับเพื่อนๆ แนะนำให้คุณลองศึกษาเทคนิคด้านการถ่ายรูปเพิ่มเติม ซื้อหนังสือภาพถ่ายมาอ่าน เลือกชมภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นด้านการกำกับภาพ เพื่อเสริมสร้างความรู้ให้กับตัวเอง หากคิดว่ามีฝีมือพอตัวแล้วก็ลองไปเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์รับถ่ายภาพในงานอีเวนท์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง งานแต่งงาน งานรับปริญญา หรืองานบวช ยิ่งคุณมีประสบการณ์มากขึ้นก็ยิ่งสามารถอัพราคาค่าตัวได้ ซึ่งรายได้ในการรับถ่ายภาพแต่ละครั้งนั้นอาจอยู่ที่วันละประมาณ 2,000 – 6,000 บาท ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และความยากง่าย รวมถึงระยะเวลาของงานนั้นๆ
2. ชอบร้องเพลง : เป็นนักร้อง เล่นดนตรีกลางคืน
ใครที่ดนตรีในหัวใจ รักเสียงเพลง มีเวลาว่างเมื่อไหร่ต้องร้องเพลง และหากไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ แล้ว เพื่อนๆ มักจะออกปากชมว่าเสียงคุณน่ะไพเราะจังเลย ก็ให้ยิ้มกริ่มไว้ได้เลย ลองไปสมัครรายการประกวดร้องเพลงดูนะ เผื่อดัง หรือไม่ก็ลองร้องเพลงถ่ายคลิปวิดิโอโพสต์บนอินเตอร์เน็ตก็น่าสนใจไม่เบา แต่นั่นก็ไม่ได้ประกันว่าคุณจะมีชื่อเสียงและคว้าเงินได้ในเร็ววัน เพราะฉะนั้นลองหันมาฟอร์มทีมกับเพื่อนๆที่เล่นดนตรี ไปสมัครร้องเพลงกลางคืนในร้านอาหาร หรืองานอีเวนท์ต่างๆ หากไปแคสแล้วเสียงผ่านก็เตรียมขึ้นเวทีโชวพ์พลังเสียงเพราะๆ ได้เลย ยิ่งหากคุณร้องเพลงเพราะแล้วยังเล่นเครื่องดนตรีเป็นอีก งานนี้ก็จะยิ่งเจ๋งไปใหญ่ ส่วนรายได้สำหรับการร้องเพลงในแต่ละคืนนั้นก็ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของคุณและระยะเวลาในการเล่นว่าเล่นกี่ชั่วโมง และร้านที่คุณไปเล่นนั้นเป็นร้านดังหรือเปล่า หากมือสมัครเล่นทั่วไปอาจเริ่มที่ราคา 500-5,000 โดยประมาณ
3. ชอบทำอาหารและคิดค้นเมนูใหม่ๆ : ทำอาหารคลีนขาย
เรื่องกินเป็นเรื่องใหญ่เสมอสำหรับคนไทย และอาหารก็ยังเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่ทุกคนจะขาดเสียไม่ได้ เพราะฉะนั้นหากใครที่ชอบทำอาหารไว้รับประทานเอง และชอบคิดค้นเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ ขอบอกว่าโชคดีแล้วล่ะค่ะ คุณมีลู่ทางในการหารายได้เสริมแล้วล่ะ แต่ก่อนอื่นต้องมั่นใจด้วยนะว่ารสมือคุณน่ะอร่อยไม่เบา ใครๆ ได้มีโอกาสลิ้มลองเป็นต้องติดใจ และยิ่งตอนนี้คนรุ่นใหม่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากยิ่งขึ้น ใครๆ ก็อยากรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นแนะนำให้หันมาทำอาหารคลีนขายซะเลย ลองศึกษาค้นคว้าเรื่องสารอาหารและคุณประโยชน์ของอาหารแต่ละประเภท และสร้างแพคเก็จดีๆ ขายมันซะเลย ไม่ว่าจะเปิดหน้าร้านหรือขายผ่านออนไลน์ ก็ได้รับความสนใจและรองรับไลฟ์สไตล์คนยุคนี้ดีจริงๆ ส่วนเรื่องของราคาก็ขึ้นอยู่กับความสดใหม่ ปริมาณ และคุณภาพของสินค้า ราคาเมนูละประมาณ 50 – 300 บาท
4. ชอบประดิดประดอย : ทำงานฝีมือน่ารักๆ ขายในตลาดเก๋ๆ
ส่วนใครที่ชื่นชอบการประดิษฐ์ของกุ๊กกิ๊ก น่ารักๆ มีเวลาว่างเมื่อไหร่เป็นต้องไอเดียบรรเจิด ออกแบบผลงานฝีมือมาเก็บไว้จนล้นบ้าน ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ สร้อยข้อมือ ต่างหู แหวน กรอบรูป เคสมือถือเพ้นท์ลาย เสื้อยืด กระเป๋า หมวก งานเย็บปักถักร้อยประเภทต่างๆ ขอบอกเลยว่าของน่ารักๆ แบบนี้กำลังเป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่วัยรุ่นและคนหนุ่มสาว ยิ่งเดี๋ยวนี้มีตลาดเก๋ๆ เปิดใหม่มากมาย แนะนำให้คุณไปลองตลาด โดยการไปเช่าที่เปิดหน้าร้านของตัวเองเลย อาจเริ่มขายในราคาที่เบาๆ เพื่อหยั่งเชิงผู้บริโภคดูก่อน เมื่อจับเทรนด์ได้แล้ว และมีฐานลูกค้าประจำอยู่ประมาณหนึ่ง ก็ค่อยประดิษฐ์งานฝีมือที่ใหญ่ขึ้น และเพิ่มราคาสินค้าได้ หรืออาจจะเพิ่มการประดิษฐ์สินค้าหลายประเภทขึ้นก็ได้ ราคาต่อชิ้นก็ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า ตั้งแต่หลักสิบไปจนถึงหลักร้อย
5. รักงานศิลปะ ชอบวาดภาพ : เป็นครูสอนศิลปะ
ใครกันที่บอกว่าจะเรียนศิลปะไปทำไม เพราะเรียนไปก็ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร ขอบอกเลยว่าใครที่คิดแบบนี้ต้องปรับทัศนคติโดยด่วยเลย เพราะศิลปะเป็นพื้นฐานของการสร้างสรรค์ผลงานทุกประเภทบนโลกใบนี้ หากคุณมีพื้นฐานทางด้านศิลปะไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการวาด การลงสี ก็สามารถนำไปประยุกต์กับการออกแบบผลงานของคุณเองได้ ไม่ว่าจะเป็นงานฝีมือ หรือแม้แต่งานขายอาหารคลีนที่ต้องออกแบบแพ็คเกจให้น่าดึงดูด จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างคนอื่นออกแบบอีกทียังไงล่ะ ยิ่งหากฝีมือในการด้านศิลปะของคุณมันร้ายกาจมากๆ แล้วล่ะก็ แทนที่จะใช้เวลาว่างนั่งดื่มด่ำกับศิลปะ วาดภาพบันเทิงอารมณ์ไปเรื่อยๆ ขอแนะนำให้คุณเปิดคอร์สสอนวาดภาพ หรือสอนออกแบบด้านศิลปะซะเลย เรียกได้ว่าผันตัวมาเป็นคุณครูชั่วคราว ส่วนราคาคอร์สก็ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ ขอบเขตการสอน และระยะเวลา มีตั้งแต่หลักหลายร้อยไปจนถึงหลักหลายพันเลยนะ
6. รักการอ่าน ชอบจดบันทึก : เป็นนักเขียนบทความออนไลน์
การอ่านเป็นพื้นฐานของชีวิต เพราะนอกจากจะได้ความรู้แล้ว การอ่านยังทำให้คุณเป็นคนใจกว้าง ยอมรับความหลากหลาย และมองโลกในมิติที่แตกต่างออกไป เชื่อว่าคุณที่อ่านหนังสือเยอะๆ ก็ต้องอยากลองผันตัวมาเขียนบ้างแล้วใช่ไหมล่ะ ? คุณทราบหรือไม่ว่าหากเจอเพื่อนที่ประสบปัญหาอ่านอะไรช้าๆ เขียนผิดเขียนถูก หรือขาดไอเดียแล้วล่ะก็ ต้องลองแนะนำให้พวกเขาไป ‘หาหนังสืออ่าน’ เพื่อจะได้พัฒนาศักยภาพด้านการอ่านและการเขียน คนที่อ่านหนังสือเยอะจะมีคลังศัพท์ในสมองมากเป็นพิเศษ รู้จักวิธีเลือกใช้คำต่างๆ ให้เหมาะกับวาระโอกาสที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นหากคุณอยากผันตัวมาเป็นนักเขียนแล้วล่ะก็ แนะนำให้จับงานด้าน ‘นักเขียนบทความออนไลน์’ เป็นอาชีพเสริม ที่สำคัญสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ เพียงแค่มีแท็บแล็ตหรือแล็ปท็อปคู่ใจ แถมยังรองรับการอ่านในโลกยุคดิจิทัลได้ดีอีกด้วย ส่วนราคาต่อหนึ่งบทความก็ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและจำนวนตัวอักษร ราคามีตั้งแต่หลักร้อยต้นๆ 200 – 800 บาท และหากคุณมีความรู้เรื่องการทำ SEO ด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งเจ๋งเข้าไปใหญ่
7. ชอบแต่งหน้า มีความรู้เรื่องเครื่องสำอาง : ช่างแต่งหน้ามือสมัครเล่น, บิวตี้บลอกเกอร์
เชื่อว่าต้องมีสาวๆ หลายคนที่ชื่นชอบการแต่งหน้า และมักจะหาความรู้เรื่องเทคนิคการแต่งหน้าอ่านอยู่เสมอ (หนุ่มๆ ที่ชื่นชอบการแต่งหน้าก็มีจำนวนไม่น้อยเหมือนกันนะ แถมฝีมือยังดีด้วย) ขอแนะนำอาชีพสุดฮิตในขณะนี้นั่นคือ ช่างแต่งหน้ามือสมัครเล่น รับประกันเลยว่าอาชีพช่างแต่งหน้ายังคงอยู่คู่กับพวกเราไปอีกนาน ในอนาคตจะให้หุ่นยนต์หรือระบบปฏิบัติการมาแต่งหน้าให้ก็คงสู้ฝีมือของมนุษย์จริงๆ ไม่ได้ เพราะต้องมีความละเอียดลออ ปรับโทนเข้มของเฉดสีต่างๆ ได้ และต้องสามารถแก้ไขความผิดพลาดบนใบหน้าได้อีกด้วย หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการแต่งหน้าแล้วล่ะก็ ลองไปรับแต่งหน้าบัณฑิตรับปริญญา แต่งหน้าเจ้าสาว แต่งหน้าพิธีกรงานอีเว้นท์ แต่งหน้าศิลปิน รายได้งามๆ อยู่ที่ครั้งละประมาณ 2,000 – 7,000 ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ที่ใช้และฝีมือในวงการของคุณ นอกจากนี้หากคุณดูแลใบหน้าอย่างสม่ำเสมอ และมีความรู้เรื่องเครื่องสำอาง ก๋สามารถผันตัวไปเป็นบิวตี้บล็อกเกอร์ดึงดูดเหล่าสปอนเซอร์แบรนด์ต่างๆ ได้อีกด้วย คราวนี้ล่ะรายได้จะอัพขึ้นเป็นเท่าตัวเลยล่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น